มะเร็งลำไส้ โรคร้ายใกล้ตัวจากไลฟ์สไตล์ปัจจุบัน
มะเร็งลำไส้ หรือโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่ คือโรคมะเร็งที่พบมากเป็นอันดับที่ 3 ทั้งในผู้ชายและผู้หญิงประเทศแถบตะวันตก ไม่เว้นแม้แต่ประเทศไทยด้วยเช่นกัน โดยเฉพาะผู้ป่วยที่ประวัติบุคคลในครอบครัวเคยเป็นโรคมะเร็งลำไส้มาก่อน รวมทั้งผู้ที่มีอายุ 50 ปีขึ้นไป หรือมีพฤติกรรมเสี่ยงต่อการเกิดโรคนี้มากกว่าปกติ
ลักษณะของลำไส้และทวารหนัก
ลำไส้ของมนุษย์มีลักษณะเป็นท่อกลวงที่มีความยาว 5 – 6 ฟุต โดยท่อความยาว 5 ฟุตแรกนั้นคือลำไส้ใหญ่ที่ต่อกับลำไส้ตรง ซึ่งมีความยาวประมาณ 6 นิ้ว และส่วนที่ต่อจากลำไส้ตรงก็คือทวารหนัก
สำหรับลำไส้ใหญ่จะทำหน้าที่เปลี่ยนของเสียชนิดเหลวให้เป็นอุจจาระแข็ง เมื่อเรารับประทานอาหารก็จะใช้เวลาเดินทางมาถึงลำไส้ใหญ่ประมาณ 3 – 8 ชั่วโมง โดยในช่วงเวลานี้เองที่สารอาหารจะถูกดูดซึมนำไปใช้ในร่างกาย ส่วนที่เหลือจะแปรเปลี่ยนเป็นของเสียชนิดเหลว
สาเหตุของโรคมะเร็งลำไส้
1. พันธุกรรม
ผลศึกษาทางการแพทย์พบว่าโรคมะเร็งลำไส้ส่วนใหญ่มักจะมีสาเหตุมาจากพันธุกรรม หากคนในครอบครัวหรือญาติพี่น้องมีประวัติการเจ็บป่วยเป็นโรคมะเร็งลำไส้มาก่อน ก็จะยิ่งมีความเสี่ยงสูงมากขึ้นตามไปด้วย
2.เส้นเลือดบริเวณลำไส้เสื่อมสภาพ
ส่งผลให้เกิดการสูญเสียความยืดหยุ่นจนกระทั่งเกิดเนื้องอก จากนั้นกลายเป็นเนื้อร้ายหรือโรคมะเร็งลำไส้ในที่สุด
3.การรับประทานอาหาร
ผู้ที่รับประทานอาหารประเภทเนื้อแดง ไขมันสูง และมีกากใยอาหารน้อย รวมทั้งอาหารปิ้งย่างหรือมีสารเคมีตกค้าง จะมีความเสี่ยงต่อการเจ็บป่วยด้วยโรคนี้สูงเช่นกัน
4.พฤติกรรม
ผู้ที่ไม่ค่อยออกกำลังกาย ประสบปัญหาโรคอ้วน สูบบุหรี่จัดและดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เป็นประจำ ล้วนแต่เป็นพฤติกรรมที่เสี่ยงต่อโรคมะเร็งลำไส้ทั้งสิ้น
อาการของโรคมะเร็งลำไส้
ในระยะแรกๆ ผู้ป่วยอาจไม่ได้สงสัยถึงอาการของโรคมะเร็งลำไส้ที่แสดงออกมา เช่น มีเลือดออกที่บริเวณทวารหนัก อุจจาระมีรูปร่างเปลี่ยนไป อุจจาระปนเลือด หรือถ่ายออกมาเป็นเลือด รวมทั้งอาการท้องผูกสลับกับท้องเดินอย่างไม่มีสาเหตุ รู้สึกปวดเบ่งแต่ไม่สามารถขับถ่ายออกมาได้ และอาการกลั้นปัสสาวะไม่อยู่ อันเนื่องมาจากมีการกดทับของอุจจาระก้อนใหญ่ที่บริเวณก้นหรือฝีเย็บ
วิธีตรวจหาโรคมะเร็งลำไส้
1.ตรวจอุจจาระ
เป็นการตรวจเบื้องต้นด้วยเลือดที่ปนกับอุจจาระ เพื่อวินิจฉัยว่าเป็นโรคมะเร็งลำไส้หรือไม่ เนื่องจากมีข้อสันนิษฐานอย่างหนึ่งว่าเลือดที่ขับถ่ายปนมากับอุจจาระ อาจเป็นสาเหตุของโรคนี้ได้
2.ตรวจเลือด
แพทย์จะทำการเจาะเลือดเพื่อตรวจหาสารบางชนิดที่บ่งชี้ว่าอาจเป็นโรคมะเร็งลำไส้ได้
3.ตรวจส่องกล้อง
แพทย์จะให้งดรับประทานผักผลไม้ก่อนวันตรวจ 1 วัน จากนั้นรับประทานยาระบายเพื่อทำให้ท้องว่าง แล้วส่องกล้องเข้าทางทวารหนักพร้อมกับตัดชิ้นเนื้อไปตรวจ
4.ตรวจเอ็กซเรย์
เช่น การใช้ CT Scans หรือ MRI รวมทั้งการส่องกล้องด้วยคลื่นความถี่สูง เพื่อตรวจหาการลุกลามของเซลล์มะเร็ง
เราจะสังเกตเห็นได้ว่าโรคมะเร็งลำไส้นั้นเป็นเรื่องที่ค่อนข้างน่ากลัวและใกล้ตัวอย่างยิ่ง โดยเฉพาะไลฟ์สไตล์ของหนุ่มสาวรุ่นใหม่ในสังคมปัจจุบันที่เร่งกระตุ้นให้มีความเสี่ยงสูงขึ้น แต่ถ้าเราทำความเข้าใจแล้วปรับเปลี่ยนพฤติกรรมชีวิตประจำวันเพื่อป้องกัน หรือเข้ารับการตรวจรักษาตั้งแต่ระยะแรกๆ ก็จะมีโอกาสหายและป้องกันการลุกลามที่เป็นอันตรายถึงแก่ชีวิตได้
เอกสารอ้างอิง
- โรงพยาบาลกรุงเทพ. “มะเร็งลำไส้ใหญ่และทวารหนัก ป้องกันได้หากปรับเปลี่ยนพฤติกรรม” bangkokhospital.com
- Honestdocs “สาเหตุ อาการ และการตรวจพบโรคมะเร็งลำไส้”honestdocs.co
อ่านเพิ่มเติม…งาดำ สุดยอดธัญพืชต้านอนุมูลอิสระ
[yasr_visitor_votes size=”medium”]